วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
ความรักกับความอดทน
ความรักเหมือนน้ำเปล่า
ใครจะ “ขัดขวาง” ความรัก คงจะไม่สำเร็จอย่างที่คิด ใครจะ “ตัดใจ” จากความรัก คงจะทำไม่ได้เช่นกัน หรือใครที่คิดจะ “ลืม” ความรักล่ะก็ ไม่มีทาง เหมือนกับน้ำเปล่า
คุณลืมน้ำเปล่าได้หรือ ? และอย่าเข้าใจว่า ความรักคือน้ำหวาน หรือน้ำอัดลมซ่าๆ มันจะเป็นเพียงแค่น้ำเปล่าเท่านั้น
ถ้ามันเป็นรักแท้ ต่อให้เป็นน้ำเปล่า ก็มีคุณประโยชน์เทียบเท่าน้ำหวาน หรือน้ำอัดลม ถึงมันจะไร้น้ำตาลซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดพลัง แต่น้ำเปล่า มันแทบไม่มีผลเสียเลย มันรักษาคุณค่าเอาไว้ได้ดีกว่าน้ำใดๆ
น้ำเปล่า เจอกับเกลือ มันก็ละลายเกลือ เหมือนกับรักแท้ คนที่รักคุณจริงๆ เมื่อคุณเจอกับความทุกข์ เขาก็จะพยายามรับความทุกข์จากคุณไว้ให้มากที่สุด
แล้ววันนี้คุณล่ะ ดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำหวานอยู่
สิ่งควรจำ
ความแตกต่างสำหรับคนสองคน
เธอชอบตุ๊กตาหมี --- เขาชอบรถถัง
เธอชอบนั่งดูตะวันขึ้นที่ชายทะเลในตอนเช้า ---
เขาชอบบรรยากาศของแสงไฟในเมืองตอนกลางคืน
เธอชอบจักรยานเพราะความช้าของมันทำให้เธอมีเวลาดูอะไรหลายๆอย่างที่ผ่านไป
เขาชอบความเร็วของมอเตอร์ไซค์เพราะมันทำให้เขาไปถึงที่หมายทันเวลา
เธอนอนสี่ทุ่มตื่นตีสี่เพื่อใส่บาตร ---
เขานอนตีสี่ตื่นสี่โมงเย็น เพราะกลับดึก
เธอได้ท๊อบ เกือบทุกวิชา --- เขาได้0 เกือบทุกวิชา
เธอถูกชมและรับรางวัลเด็กนักเรียนดีเด่น เป็นประจำ
เขาถูกด่าและมีชื่ออยู่ในบัญชีดำของโรงเรียน
เธอยิ้มง่าย รักเด็กๆ และกล้าแสดงออก
เขาหงุดหงิดเกลียดเด็กๆและขี้อาย
เธอไม่ชอบกีฬากลางแจ้ง ---
เขาชอบเล่นบาส กับ ฟุตบอล
เธอขี้แย --- เขาเข้มแข็ง
เธอกลัวฟ้าร้อง --- เขาชอบฝนตก
เธอเกลียดความเหงา และไม่ชอบอยู่คนเดียว
เขาเบื่อสังคมและชอบเก็บตัวในห้อง
เธอร้องไห้ในเรื่องที่เราไม่คิดว่ามันน่าเศร้า ---
เขากลั้นน้ำตาในเรื่องที่อยากฆ่าตัวตาย
เธอมองหน้าเขาแล้วเห็นผู้ชายที่แสนดีคนหนึ่ง ---
เขามองหน้าเธอแล้วเห็นนางฟ้าที่ดีที่สุดในชีวิตเขา
เธอจับมือเขาไว้ในวันที่เขาท้อแท้ ---
เขานั่งลงข้างๆเธอในวันที่เธอว้าเหว่
เธอเบื่อคำชื่นชมจอมปลอม และต้องการได้ยินเสียงเขาแม้จะเป็นการด่าก็ตาม ---
เขาอยากได้ยินคำชื่นชมจอมปลอมขอแค่มันมาจากปากเธอ
เธอจมปลักอยู่ในความทุกข์ในวันที่เขาหายไป
เขาจมดิ่งลงในความสุข ในวันที่เธออยู่ข้างๆ
วันใดก็ตามที่เขาท้อแท้ หรือ ยอมแพ้ เธอจะโทรไปหาเขาพูดแต่คำว่าฉันรักเธอนะ ---
วันใดก็ตามที่เธอผิดหวัง หรือ เหงาเขาจะโทรไปหาเธอ และจะเงียบ อยู่อย่างนั้นจนกว่าเธอจะหยุดร้องไห้
วันใดก็ตามที่เขาได้รับชัยชนะ เธอจะตรงเข้าไปหา แล้วกอดเขา
วันใดก็ตามที่เธอได้รางวัล เขาจะตรงเข้าไปหา ยิ้มให้ชูนิ้วโป้งแล้วพูดคำว่า ยินดีด้วย
วันเกิดเขา เธอหอมแก้มเขาฟอดหนึ่ง แล้วพูดคำว่า ฉันรักเธอ
วันเกิดเธอ เขาโทรมาตอนเที่ยงคืน แล้วพูดคำว่า ฉันก็รักเธอ
เธอจับมือเขาเพื่อจะเตือนให้เขารู้ว่าเขาสำคัญสำหรับเธอมากแค่ไหน
เขานั่งข้างๆเธอ เพื่อให้เธอรู้ว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียว
เธอจะร้องไห้ และขอร้องให้คนที่ทำร้ายเขาหยุดการกระทำ ---
เขาจะต่อยหน้า ใครก็ตามที่ทำร้ายเธอ
เมื่อเขาโกรธ เธอจะรอให้เขาหายโกรธ แล้วโทรไปบอกว่า ขอโทษนะ
เมื่อเธอโกรธ เขาจะดึงมือเธอไว้ แล้วพูดคำว่า ฉันขอโทษ
เธอโทรไปหาเขาทุกวันเพื่อพูดคำว่า ฉันรักเธอ ---
เขารอคอยโทรศัพท์เธอทั้งวัน เพื่อรอฟังคำว่า ฉันรักเธอ
บทความดีๆที่พูดถึง "ความรัก" !!!
เราอาจจะหาความหมายของทุกสิ่งมาตลอดชีวิต แล้ววันหนึ่งเราก็พบว่า
เพียงแค่มีบางสิ่ง ชีวิตก็มีความหมายแล้ว
มนุษย์เกิดขึ้นมาท่ามกลางความโดดเดี่ยว พร้อมด้วยหัวใจคนละ 1 ดวง
เมื่อ มนุษย์ 2 คนมาพบกัน เราจึงเรียนรู้ว่า 1 + 1 อาจจะยัง คงเท่ากับ 1
แต่ความโดดเดี่ยวนั้นหายไป ที่ เล็กๆ ขนาดไม่ใหญ่โตไปกว่ากำปั้น
ที่ทำให้เราอยู่รวมกันบนโลกใบนี้อวัยวะที่สะกดด้วยอักษรง่ายๆ ใช้
แทนคำว่า "รัก" ได้เป็นอย่างดี
ความรัก ที่ประทับใจขอเก็บไว้ในใจแล้วอมยิ้มนะ
ความรัก ที่ไม่ประทับใจขอเก็บไว้เป็นประสบการณ์
ความรัก ที่ทำเพื่อผู้อื่นเป็นความภูมิใจแบบเก็บไว้เอง
ความรัก ที่ทำเพื่อตัวเองนั่นไม่เรียกว่ารัก
ความรัก ที่คุณเจอในอดีตขอให้เป็นความทรงจำที่แสนดี
ความรัก
ที่คุณเจอในปัจจุบันขอให้สมหวังกันทุกคน
ความรัก ที่คุณจะเจอ ในอนาคตให้อธิษฐานกันเอาเองนะ
"ถ้าอ๊อกซิเจนทำชีวิตนี้ดำรงอยู่ได้
ความรักก็ทำให้การมีชีวิตนั้นมีความหมายมากยิ่งขึ้น"
เคยมั้ยที่จะมี คุณเคยมีคนแบบนี้ที่ไม่ ใช่พ่อแม่พี่น้องหรือยัง?
ตอบตัวเองให้ได้ว่าใคร
เคยมั้ยที่จะมี...คนให้อภัยคุณทุกอย่าง
เคยมั้ยที่จะมี...คนอยู่เคียงข้างคุณเวลาที่คุณเสียใจ
เคยมั้ยที่จะมี...คนจดจำความเป็นคุณได้ทุกอย่าง
เคยมั้ยที่จะมี...คนยอมเสียสิ่งที่รักเพื่อคุณ
เคยมั้ยที่จะมี...คนเห็นคุณสำคัญกว่าเพื่อน
เคยมั้ยที่จะมี...คนที่คุณอยู่ด้วยเฉย ๆ แล้วมีความสุข
เคยมั้ยที่จะมี...คนที่มั่นใจในคำว่ารักของคุณ
เคยมั้ยที่จะมี...ไม่อายเมื่อเดินข้างคุณ แม้คุณหน้าตาไม่ดีก็ตาม
เคยมั้ยที่จะมี...คนที่ทนคุณได้ไม่ว่า คุณจะด่า จะว่า เค้ายังไง
เคยมั้ยที่จะมี...คนรับได้ในสิ่งที่คุณเป็นไม่ว่าจะมีคนมาว่าร้ายคุณยังไง
เคยมั้ยที่จะมี...คนที่เห็นความผิดของคุณเป็นเรื่องน่ารัก
เคยมั้ยที่จะมี...คนที่คุณอยากตื่นมาแล้วก็เจอกันสาส
เคยมั้ยที่จะมี...คนที่คุณคิดถึงเค้า แม้ว่าคุณไม่เหงาก็ตาม
เคยมั้ยที่จะมี...คนที่คุณคิดถึงคนแรก เมื่อคุณทุกข์ใจ
เคยมั้ยที่จะมี...คนที่คุณรู้ว่า เค้าช่วยให้คุณสบายใจได้
เคยมั้ยที่จะมี...คนแคร์คุณมากมาย ไม่ว่าคุณจะทำร้ายเค้า ยังไง
เคยมั้ยที่จะมี...คนที่รับรู้ตัวตนที่แท้จริงของคุณ
เคยมั้ยที่จะมี...คนที่ยังรักคุณแม้คุณไม่เห็นความสำคัญของเค้าเลย
ถ้าคุณเคยมีเค้าคนนี้อยู่จริง คุณควรถนอมเค้าไว้ให้ดี
ถ้าคุณสูญเสียเค้าไปคุณเองที่จะเป็นคนเสียใจ
ความหมายของหัวใจ เราอาจจะหาความหมายของทุกสิ่งมาตลอดชีวิต
แล้ววันหนึ่งเราก็พบว่า เพียงแค่มีบางสิ่ง
ชีวิตก็มีความหมายแล้ว
ปล. สวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนนะคะตอนนี้สอบปลายภาคเสร็จแล้ว รอลุ้นอยู่ว่าจะตกเลขอะป่าวเพราะเค้าทำม่ายด้ายเลย เศร้าจัง !! แต่ที่ดีใจคือ งานหนังสือใกล้เข้ามาแล้วนะคะ วันที่ 18-29 ตุลาคมนี้อย่าพลาดกันนะคะ
แง่คิดดีๆที่มีมาฝาก
ในขณะที่เราคิดถึงคน ๆ นึงตลอดเวลา
เค้าคนนั้นก็อาจคิดถึงคนอื่นอยู่ก็เป็นได้
และบางครั้ง ก็อาจมีคนที่คิดถึงเรา โดยที่เราไม่สนใจเลยเช่นกัน
.
บางครั้ง การได้ฝันไปคนเดียว มันก็ดีกว่าการได้รู้ความจริงที่ว่า
สิ่งที่เราคิดทั้งหมด มันคือความฝันของเราเองเพียงคนเดียว
ฉะนั้น ไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะจมกับความฝัน
มากกว่าการได้รับรู้ความจริง
การไม่ได้เป็นที่ 1 ในใจเค้า ไม่ใช่เรื่องน่าเศร้า...
เราอาจเป็นที่ 2 ซึ่งมันก็ยังดีกว่าเป็นที่ 3 ที่ 4...
และหากเราเป็นที่ 10 ในใจเค้า...
ก็ขอให้คิดไว้ว่า ดีกว่าเราไม่มีความสำคัญอะไรในใจเค้าเลย
.
แต่โปรดจำไว้เถอะว่า
หากหัวใจของคุณยังไม่ร้องไห้ออกมาดัง ๆ
พร้อมกับพูดกับตัวเองว่า..."ชั้นเหนื่อยเหลือเกินแล้ว
โปรดห้ามใจเถอะ ก่อนที่ชั้นจะอ่อนล้าไปกว่านี้..."
.
ก็จงชอบต่อไปเถอะ
การรักใครซักคน ไม่ต้องการความพยายาม
"การตัดใจ"ต่างหาก ที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากมาย
ลองชั่งน้ำหนักในใจเราดูสิว่า ความสุขยามที่คุณได้สบตาเค้า
กับความทุกข์ยามที่คุณต้องคอยหลบตาเค้า
อันไหนมันหนักหนากว่ากัน
.
อย่าโทษตัวเอง ที่มาเจอเค้าสายเกินไป...
อย่าโทษเค้าที่ไม่มีใจให้...
อย่าโทษโชคชะตาที่ทำให้เราพบกัน แต่ไม่ได้ทำให้เราใจตรงกัน
.
แต่จงยิ้มให้กับตัวเอง
ที่อย่างน้อย ถึงจะพบกับเค้าคนนั้นสายเกินไป
แต่ก็ยังได้พบ...
.
ยิ้มให้เค้า ที่ถึงจะไม่ได้ให้ใจเรามา
แต่ก็ยังได้รับหัวใจของเราไป...
.
ยิ้มให้กับโชคชะตา
ที่ยังทำให้เรา...ได้รู้จักกัน
.
คุณควรจะดีใจด้วยซ้ำที่ครั้งหนึ่ง
คุณได้เจอคนที่คุณอยากเก็บรอยยิ้มของเค้าไว้คนเดียว
.
คนที่คุณใส่ใจกว่าตัวคุณเอง...
คนที่ทำให้คุณหัวเราะ...และร้องไห้ได้มากมาย...
คนที่เพียงแค่ยิ้มของเค้า
ก็สามารถเปลี่ยนวันที่หมองหม่น...ให้กลายเป็นวันที่สดใส
เท่านี้มันก็เพียงพอแล้ว ไม่ใช่หรือ?
.
แค่การได้เห็นคนที่เรารัก
ได้หัวเราะอยู่กับใครสักคนที่เค้ารักมากที่สุด
...นั่นแหละคือความสุขของการได้รัก...อย่างจริงใจ
วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับ ปาก และ ฟัน
ฟันเป็นอวัยวะพิเศษที่เจริญมาจากเนื้อเยื่อชั้นนอก (Ectoderm) เช่นเดียวกับผิวหนังหรือเกร็ดของปลา ฟันมี 2 ชุดคือฟันแท้และฟันน้ำนมซึ่งมีโครงสร้างคล้ายๆ กันดังนี้
มีชั้นเคลือบฟัน (Enamel)เป็น ส่วนที่อยู่นอกสุดและมีความแข็งที่สุดของฟัน ทำหน้าที่รับน้ำหนักในการบดเคี้ยว มีโครงสร้างเป็นผลึก ไม่มีเส้นเลือดและเส้นประสาท จึงเป็นส่วนที่ไม่ได้รับความรู้สึก เวลาที่ฟันเริ่มผุจึงไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ
ชั้นเนื้อฟัน (Dentine) เป็น ส่วนที่อยู่ถัดจากเข้ามา ประกอบด้วยท่อเล็กๆจำนวนมาก ซึ่งเป็นที่รวมของเส้นประสาทรับความรู้สึก ดังนั้นเวลาฟันผุถึงชั้นนี้ ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการเสียวฟัน
โพรงประสาทฟัน (Pulp) คือ โพรงช่องว่างภายในฟัน เป็นที่อยู่ของเส้นประสาท และเส้นเลือดที่มาหล่อเลี้ยงตัวฟัน ทำหน้าที่ในการรับความรู้สึกร้อน เย็น ปวด เจ็บ กรณีที่ฟันผุมาถึงชั้นนี้ จะไม่สามารถอุดฟันได้
ชั้นร่องเหงือก (Gingival crevice) คือ ร่องระหว่างตัวฟันกับขอบเหงือก ปกติจะมีขอบบาง มีความลึกประมาณ 2 มิลลิเมตร แต่ถ้ามีโรคเหงือกอักเสบ หรือเป็นรำมะนาด อาจมีอาการบวม ทำให้ร่องนี้ลึกขึ้น และเกิดการอักเสบมากขึ้นได้
เหงือก (Gingiva) คือส่วนเนื้อเยื่อที่หุ้มตัวฟัน และกระดูกขากรรไกรไว้
เคลือบรากฟัน (Cementum) เป็น ชั้นบางๆ คลุมเนื้อฟันบริเวณรากฟันไว้ แตกต่างจากเคลือบฟันตรงที่มีความแข็งแรงน้อยกว่า ปกติจะฝังตัวอยู่ในกระดูก แต่ถ้ามีเหงือกร่น หรือเกิดโรครำมะนาด อาจทำให้ส่วนนี้สัมผัสกับน้ำและอากาศ เกิดอาการเสียวฟันได้ กระดูกเบ้ารากฟัน (Alveolar bone) คือส่วนของกระดูกที่รองรับรากฟัน
ขอบคุณภาพจาก :aksorn.com
2. ฟันแต่ละซี่มีประโยชน์อย่างไร
ฟันหน้าตัด (Incisor Teeth) อยู่บริเวณหน้าสุด มีทั้งหมด 8 ซี่ ทำหน้าที่กัดอาหาร
ฟันเขี้ยว (CanineTeeth) เป็นฟันที่มีรากยาวที่สุด มีทั้งหมด 4 ซี่ และมีความแข็งแรงมาก ปลายแหลม ทำหน้าที่ตัด ฉีก และแยกอาหารออกจากกัน
ฟันกรามน้อย (Premolar or Bicuspid Teeth) จะพบเฉพาะในฟันแท้เท่านั้น รูปร่างคล้ายฟันกรามแต่มีขนาดเล็กกว่า มีทั้งหมด 8 ซี่ ทำหน้าที่ในการบดเคี้ยวอาหารร่วมกับฟันกราม
ฟันกราม (Molar Teeth) เป็นฟันที่ใหญ่ที่สุดในปาก มีความสำคัญมากเพราะนอกจากจะช่วยในการบดเคี้ยวอาหารแล้ว ยังทำงานร่วมกับฟันเขี้ยวในการคุมทิศทางการเคลื่อนไหวของขากรรไกรอีกด้วย
3. ฟันสำคัญมากกว่าบดเคี้ยว
ขอบคุณภาพจาก : women.impaqmsn.com
- ช่วยในการพูดให้ออกเสียงชัดเจนขึ้น
- ช่วยรักษาโครงสร้างใบหน้า ให้มีความกว้าง ความยาว และความอิ่มของริมฝีปากให้สมดุลกัน
- เป็นส่วนประกอบของบุคลิกภาพ เพราะฟันเป็นส่วนหนึ่งที่มองเห็นได้ง่าย โดยเฉพาะเวลาที่พูดคุยกัน
4. เกิดอะไรเมื่อเป็นโรคในปาก
” เมื่อเป็นโรคในช่องปากจะทำให้ร่างกายได้รับอาหารไม่เพียงพอ เพราะความเจ็บปวดที่เกิดจากการเคี้ยวอาหาร จะทำให้เราทานได้น้อย ร่างกายจึงซูบซีด อ่อนเพลียไม่มีแรง นอกจากนั้นหากปล่อยทิ้งไว้ไม่ไปพบทันตแพทย์ เชื้อโรคในช่องปากจะยิ่งลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียง เช่น โพรงจมูก ทำให้เกิดไซนัสอักเสบ ทอลซินอักเสบได้”
5. ฟันผุดูอย่างไร
ฟันผุ เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียบางชนิด เช่น สเตรปโตคอคไค (Streptococci) ที่อาศัยอยู่บนแผ่นคราบจุลินทรีย์ในปากของเรา ย่อยสลายอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลที่เกาะอยู่ตามชั้นเคลือบฟัน ซึ่งผลพวงจากการย่อยสลาย จะก่อให้เกิดกรดบางชนิด โดยเฉพาะกรดแลกติก ไปทำลายโครงสร้างของฟัน ทำให้เกิดการผุกร่อน
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังสงสัยว่าฟันผุ เรามีวิธีสังเกตดังนี้ใน ขั้นต้น จะสังเกตเห็นฟันเป็นสีขาวขุ่นเหมือนสีของนม ผิวฟันมีลักษณะด้าน ไม่มันเหมือนฟันปกติ ต่อมาจะเห็นได้ชัดว่าผิวฟันซี่นั้นมีลักษณะขรุขระไม่เรียบ และมีอาการเสียวฟันบ่อยๆ ทั้งนี้หากปล่อยไว้ไม่รักษาให้ลุกลามไปจนถึงโพรงประสาทฟันซึ่งเป็นที่อยู่ ของเส้นประสาทรับความรู้สึก อาจทำให้เกิดอาการเจ็บปวด เคี้ยวอาหารไม่ได้ และก่อให้เกิดฝีในเหงือกได้ค่ะ
6. เลือดออกตามไรฟัน สัญญาณเหงือกอักเสบ
เวลา มีเลือดออกตามไรฟัน เรามักจะคิดกันว่าร่างกายขาดวิตามินซี จริงๆ แล้วสำหรับคนที่รับประทานผัก และผลไม้เป็นประจำตลอดทั้งปี โอกาสขาดวิตามินซีถึงขนาดเลือดออกตามไรฟันมีน้อยมาก และสำหรับผู้ที่กินผักและผลไม้เป็นประจำ แต่มีอาการเลือดออกตามไรฟันบ่อยๆโดยไม่ทราบสาเหตุนั้น ทันตแพทย์อนุศักดิ์ คงมาลัย กล่าวไว้ว่า เป็นอาการของคนที่ป่วยเป็นเหงือกอักเสบค่ะ ยิ่งหากใครที่แปรงฟัน (อย่างถูกต้อง) แล้วมีเลือดติดที่ขนแปรงเป็นประจำ ร่วมกับเวลาบ้วนปากด้วยน้ำปกติแล้วมีเลือดปนออกมาด้วย ให้รู้ในทันทีว่าอาการเหงือกอักเสบมาเยือนคุณแล้ว
7. เศษอาหาร ตัวการโรคเหงือกอักเสบ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยใส่ใจในสุขภาพฟันของตัวเองเท่าไรนัก ปล่อยให้เศษอาหารที่รับประทานเข้าไปตกค้างอยู่ตามซอกเหงือก ร่องฟัน ขอบเหงือก พึงรู้ไว้เลยค่ะว่า มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเหงือกอักเสบมากทีเดียว เพราะเศษอาหาร เป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้จุลินทรีย์ในช่องปากแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดหินปูน และการติดเชื้อของเนื้อเยื่อรอบๆ ตัวฟัน นอกจากนี้หินปูนที่เกาะอยู่บนฟันเป็นเวลานาน จะเปลี่ยนสภาพจากแข็งเป็นนิ่ม จับตัวกันเป็นแผ่นหนาขยายไปตามรากฟัน จนไปบาดเหงือก ทำให้เหงือกระคายเคือง อักเสบบวมแดง เหงือกร่น เป็นโรคเหงือกอักเสบได้ในที่สุด และหากปล่อยไว้ไม่รักษา อาจทำให้ฟันโยก เคี้ยวอาหารไม่ได้ และอาจรุนแรงถึงขั้นเป็นฝีที่เหงือกได้
8. รำมะนาด อันตรายที่คุณคาดไม่ถึง
ถ้าจะถามว่า ปัจจุบันคนส่วนใหญ่สูญเสียฟันด้วยโรคอะไรมากที่สุด คำตอบที่ได้ ไม่ใช่โรคฟันผุแต่อย่างใดค่ะ ทว่าคือโรครำมะนาด เรามาทำความรู้จักกับโรคนี้กันหน่อยดีกว่าโรครำมะนาด หรือ โรคปริทันต์อักเสบ เกิดจากเนื้อเยื่อหรืออวัยวะรอบๆ ตัวฟัน คือ เหงือก เนื้อเยื่อปริทันต์ และกระดูกเบ้ารากฟันซึ่งทำหน้าที่ช่วยยึดฟันให้ตรึงแน่นอยู่กับขากรรไกรมี อาการอักเสบอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดอาการบวมแดงที่เหงือก มีกลิ่นปากเนื่องจากการบูดเน่าของเนื้อเยื่อที่ใต้ซอกฟัน ทำให้เกิดอาการปวด เหงือกอักเสบ ฟันโยกคลอน หากปล่อยไว้ไม่รักษาอาจลุกลามจนเป็นหนองได้ ทั้งนี้โรครำมะนาดจะไม่แสดงอาการผิดปกติใดๆให้ทราบล่วงหน้า จนกว่าเข้าสู่ระยะสุดท้ายซึ่งรักษาไม่ได้แล้ว คนส่วนใหญ่จึงจำต้องปล่อยให้ฟันหลุดไปอย่างน่าเสียดาย
9. หินปูนคืออะไร
หินปูนหรือหินน้ำลาย เกิดจากเศษอาหารที่ตกค้างในช่องปาก กระทั่งกลายเป็นคราบจุลินทรีย์ที่มองไม่เห็น ต่อมาเมื่อมีแคลเซียมในน้ำลายเข้าไปทำปฏิกิริยา จะตกตะกอนสะสมอยู่บนฟัน หากไม่ได้แปรงฟันหรือทำความสะอาดไม่ดีพอ แผ่นจุลินทรีย์นั้นก็จะสะสมยึดติดที่คอฟันจนแน่น ไม่สามารถกำจัดออกได้ กลายเป็นสีเหลือง สีน้ำตาล หรือสีดำ ทำให้กลายเป็นโรคเหงือกอักเสบได้ในที่สุด
10. ทำไมต้องผ่าฟันคุด
ฟันคุด คือ ฟันที่ขึ้นในช่องปากเป็นซี่สุดท้ายของแถวฟันด้านในสุด ในช่วงอายุราว 25 ปี การงอกของฟันคุด มักสร้างความเจ็บปวดให้กับเจ้าของเป็นอย่างมาก เพราะมักจะเกิดอาการอักเสบบวมแดงของเหงือกรอบฟันคุด และปวดร้าวไปทั่วทั้งกราม
นอกจากนี้ ฟันคุดยังมีโอกาสผุได้ง่ายกว่าฟันซี่อื่นๆ เนื่องจากอยู่ด้านในสุดทำความ สะอาดยาก และหากปล่อยให้มีการอักเสบรุนแรง จนเกิดการติดเชื้อกระจายไปถึงเนื้อเยื่อภายในกระพุ่งแก้ม อาจทำให้เกิดอาการขากรรไกรบวมได้ ด้วยเหตุนี้ใครที่มีฟันคุด ทันตแพทย์จึงแนะนำให้ผ่าออกค่ะ
11. ฟลูออไรด์มากไปใช่ว่าดี
แม้ฟลูออไรด์จะช่วยป้องกันฟันผุ แต่หากได้รับมากเกินไปก็เกิดผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกันคือ ทำให้ฟันตกกระ ในขณะที่หน่อฟันกำลังเจริญเติบโต (แรกเกิดถึง 12 ปี )หากร่างกายได้รับฟลูออไรด์ในน้ำดื่มสูงกว่าสองส่วนในล้านส่วนขึ้นไป จะทำให้ฟันเปลี่ยนสีได้ตั้งแต่สีขาวขุ่น น้ำตาล ไปจนถึงน้ำตาลเข้ม (ด้วยเหตุนี้เด็กที่อายุต่ำกว่า 7 ปีจึงไม่ควรกินหรือกลืนยาสีฟัน) ทำให้เกิดภาวะผิดปกติเฉียบพลันในร่างกาย ในกรณีที่ร่างกายได้รับฟลูออไรด์ขนาด250 มิลลิกรัมขึ้นไปโดยทันที ฟลูออไรด์จะเข้าไปสร้างความระคายเคืองต่อเยื่อยุกระเพาะอาหาร ทำให้คลื่นไส้และอาเจียน ท้องเดินชักเกร็ง และอาจหมดสติถึงตายได้ (มักเกิดกับเด็กที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์)
12. ข้อเสียของฟันปลอม
ขอบคุณภาพจาก : thaiclinic.com
การใส่ฟันปลอมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ จะเป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้ฟันซี่ที่ผุอยู่แล้ว ลุกลามมากขึ้น อาจลุกลามทะลุถึงโพรงประสาทฟัน นอกจากนี้ฟันปลอมยังทำให้เกิดปัญหาเจ็บเหงือก เคี้ยวอาหารไม่ถนัด เป็นเหตุให้ระบบทางเดินอาหารต้องรับภาระในการย่อยอาหารหนักขึ้น จนอาจทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารหรือลำไส้ตามมาได้
13. วิธีลดอาการปวดฟัน
อาการปวดฟัน (Toothache) ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากฟันผุ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากหายทรมานจากอาการปวดฟัน เรามีข้อแนะนำง่ายๆ ต่อไปนี้คะ
ในกรณีที่อาการปวดฟันมีลักษณะปวดตุบๆ ให้ใช้น้ำแข็งประคบที่ด้านข้างของใบหน้าประมาณ 5 - 10 นาที ทุกๆ ครึ่งชั่วโมง ความเย็นจะช่วยลดอาการปวดและบวมได้
เลี่ยงอาหารที่ร้อนจัด เย็นจัด และหวานจัด โดยเฉพาะชา กาแฟ และไอศกรีม เพราะจะยิ่งกระตุ้นให้ปวดฟัน และควรงดอาหารแข็งประเภทต้องใช้วิธีกัดกิน เช่น แครอท ฝรั่งที่ยังไม่สุก เพราะการขบกัดแรงๆ จะกระตุ้นให้เกิดอาการปวดฟันมากขึ้น
ในกรณีที่อุดฟัน ควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวหมากฝรั่งอย่างเด็ดขาด เพราะนอกจากจะทำให้ปวดฟันมากขึ้นแล้ว ยังจะทำให้สารที่อุดฟันไว้หลุดออกง่ายขึ้นอีกด้วย
14. ขูดหินปูน เมื่อไหร่ถึงจะดี
ขอบคุณภาพจาก :aksorn.com
ควรไปขูดหินปูนอย่างน้อยปีละสองครั้งครับ ทั้งนี้บางคนหินปูนขึ้นช้า บางคนขึ้นเร็ว 6 เดือนเป็นระยะเวลาเฉลี่ย แต่ทั้งนี้ต้องไปพบทันตแพทย์เช็คสภาพฟันโดยละเอียดอย่างน้อยปีละครั้ง
15. ทำไมต้องแปรงลิ้น
ลิ้น ของเรามีลักษณะเป็นปุ่มเล็กๆ มีหน้าที่รับรสอาหารต่างๆ ลิ้นจึงเป็นที่ชื่นชอบของเชื้อแบคทีเรียและจุลินทรีย์บางชนิดเป็นอย่างมาก มันจึงอาศัยอยู่และคอยแบ่งอาหารบนลิ้นไปด้วย หากเราแปรงฟันโดยไม่แปรงลิ้น เชื้อโรคที่เกาะแน่นอยู่ที่ลิ้นก็จะไม่ถูกกำจัดออกไป ปล่อยไว้อาจทำให้มีกลิ่นปากและฟันผุได้
การแปรงลิ้นนอกจากจะช่วยให้ประสาทการรับรสของเราดีขึ้นแล้ว ยังป้องกันปัญหากลิ่นปากได้ด้วย ทั้งนี้การแปรงลิ้นควรเริ่มแปรงจากส่วนในของลิ้น ออกมาทางปลายลิ้นสัก 2-3 ครั้ง โดยให้แปรงอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ก็จะทำให้ลิ้นมีสุขภาพดีขึ้นค่ะ
ปัญหาสุขภาพจิตที่พบได้มาก ในเหล่าสว. และการดูแลรักษา
1.ความวิตกกังวล-อันนี้เป็นประเด็นที่ค่อนข้าง ใหญ่มาก สามารถเป็นต้นตอของปัญหาสุขภาพทุกชนิดได้ เพราะเป็นการบั่นทอนจิตใจและกำลังใจ พอจิตใจอ่อนแอ ร่างกายก็พลอยอ่อนแอตามไปด้วย อาการนี้อาจเกิดจากการที่ลูกหลานบางคนคิดว่าถ้ามีเงินมากๆคงดูแลท่านสว.ทั้ง หลายให้อยู่สุขสบายได้ดี จึงทำงานเพื่อเก็บเงินเยอะ บางทีอาจไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านคิดก็ได้ อย่างที่มีคนเคยพูดว่าการล่วงเลยเข้าสู่วัยมากๆก็เหมือนการย้อนกลับไปเป็น เด็กอีกครั้งหนึ่งซึ่งไม่ได้ต้องการแต่เงินเพื่อดูแลอย่างเดียว ต้องได้รับการเอาใจใส่ ความเข้าใจ และการประคบประหงมจิตใจที่ค่อนข้างเปราะบาง อย่าเอาแต่หาเงินอย่างเดียว หยุดอยู่กับบ้านพาท่าสว.ทั้งหลายออกไปเปิดหูเปิดตาทำกิจกรรมกับลุกๆหลานๆนอก บ้านบ้างนะคะ เพื่อสร้างชีวิตชีวาให้ท่านสว.กลับมาสดใสร่าเริงอีกครั้งนึงค่ะ
2.ซึมเศร้า-พอพูดถึงวิตกกังวลแล้วก็ต้องพูดถึง เรื่องซึมเศร้า ซึ่งจะเป็นเรื่องที่เป็นต่อๆกันมา เช่นกันว่าอาการซึมเศร้าก็ต้องได้รับการประคบประหงม ดูแลเอาใจใส่ ต้องคอยสังเกตุอยู่เสมอว่าช่วงไหนที่ท่านสว.มีอาการซึมเศร้าเกิดขึ้น เพื่อที่จะได้แก้ไขให้ทันท่วงที เพื่อมิให้อาการกำเริบเสิบสาน เอ้ยยย กำเริบ เฉยๆนะคะอิอิ
3.ระแวง - อันนี้ก้เป็นอาการร่วมของสองอาการด้านบนนะคะ ระแวงไปว่าลูกหลานจะไม่รัก ลูกหลานจะพาไปบ้านพักคนชรา ลูกหลานจะไม่สนใจเหมือนเมื่อก่อน ระแวงว่าร่างกายจะทำอะไรที่อยากทำไม่ได้เหมือนเดิม อยากจะไปเที่ยวก็กลัวลูกหลานห้ามเพราะสุขภาพกาย ระแวงไปหมด กลายเป็นคนขี้กลัว ทำให้จิตใจหดหู่ ดังเช่นสองอาการแรกค่ะ ลูกหลานคงต้องเอาใจใส่มากขึ้นๆเรื่อยๆนะคะ
4.นอนไม่หลับ - อาการนี้อาจจะเกิดจากการที่พอถึงวัยเกษียณ ร่างกายก็ไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานมากเหมือนเมื่อตอนทำงานอยู่ เพราะฉะนั้นเลยต้องการการพักผ่อนที่น้อยลงตามไปด้วย หรืออาจจะเกิดจากสาเหตุข้างต้น2ข้อก้ได้ เลยทำให้คิดมาก จนนอนไม่หลับ วิธีการแก้ไขคือจัดที่นอน+ห้องนอนให้โล่ง โปร่ง สบาย ดูแลจิตใจ หรือสามารถเดาได้อีกว่า การที่ท่าน สว. นอนไม่หลับ เกิดมาจากอาการป่วยต่างๆ ทางแก้ไขคือการพาไปพบแพทย์เสียก่อนที่โรคภัยต่างๆจะเบียดบังเวลาพักผ่อนของ ท่านสว.ทั้งหลายค่ะ
5. ความจำเสื่อม - ส่วนอาการนี้เกิดขึ้นจากความผิดปรกติของร่างกาย ที่เซลล์สมองอาจมีการฝ่อไป หรือทำงานได้ไม่เต็มที่ อาการนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วงนิดนึง เพราะเคยมีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้นมากมายกับท่านสว.ที่เป็นโรคนี้ เช่น เดินออกจากบ้านไปแล้วจำทางกลับบ้านไม่ได้ โดนหลอกพาไปเป็นขอทานก็มี อาการนี้ต้องอาศัยความใส่ใจ การดูแลที่เป็นพิเศษมากกว่าอาการอื่นๆนิดนึงนะคะ เพราะผู้ที่มีอาการนี้อาจจะจำใครไม่ได้เลยแม้กระทั่งลูกหลานของตัวเอง บางทีอาการนี้ก็อาจทำให้ท่านสว. มีอาการหงุดหงิดตนเองว่าทำไมถึงจำอะไรไม่ได้ ก็ต้องงอาศัยลูกหลานปลอบใจ และคอยช่วยเตือนหรือกระตุ้นความจำให้กับท่านสว. เพื่อระงับอารมณ์หงุดหงิของท่านๆทั้งหลายนะคะกล่าวถึงอาการและการดูแลคร่าวๆกันไปแล้ว หวังว่าลูกๆหลานๆ หลายๆท่าน คงได้ข้อมูลดีๆในการดูแลท่านสว.ไปบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ
ด้วยรักและห่วงใย(สุขภาพ)คร๊าบบบบบบ
มากคุณค่าพืชสมุนไพรในท้องนาแหล่งรวมความรู้ภูมิปัญญา
เนื่องจากเมื่อสองสามวันก่อนที่ HealthyMania ได้เขียนบล๊อกเกี่ยวกับเรื่องของสมุนไพร พอดีไปเจอข่าวนี้มา เลยนำมาฝากด้วยค่ะ ^___^
ในพื้นที่ปลูกข้าว แปลงนา ซึ่งมีอยู่มากมายในแต่ละภูมิภาคของประเทศ นอกจากจะเป็นแหล่งบ่มเพาะต้นข้าวให้เจริญเติบโตตามวิถีวัฒนธรรมก่อเกิดเป็น เมล็ดข้าวหล่อเลี้ยงชีวิตคนไทยทั่วประเทศแล้ว พื้นที่แห่งนี้ยังเป็นแหล่งรวมพรรณไม้ พืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการรักษาโรคเอาไว้มากมาย ทั้งที่คุ้นเคยและมองข้ามกันไป
จากวิถีชีวิตไทยที่ผูกพันกับการเกษตรการเพาะปลูกข้าวมายาวนาน ข้าวชนิดต่าง ๆ ของไทยจึงไม่เพียงเพื่อการบริโภคในประเทศแต่ยังเป็นสินค้าส่งออกนำรายได้ เข้าประเทศอันดับต้น ๆ และด้วยคุณค่าของข้าวที่มีต่อสุขภาพในความต่อเนื่องนี้ งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ที่กระทรวงสาธารณสุข องค์กรภาครัฐและเอกชนร่วมกันจัดขึ้นเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ การดูแลสุขภาพ การพึ่งตนเองโดยใช้ภูมิปัญญาด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน การแพทย์ทางเลือกเสริมสร้างสุขภาพจึงได้นำความมหัศจรรย์ข้าวไทยหลากหลายมิติ รวมทั้งพืชสมุนไพร ที่พบได้ในแปลงนามาเผยแพร่ ในพื้นที่กิจกรรม นิทรรศการความรู้โดยจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 3-7 กันยายน 2551 ณ ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี
การปลูกข้าวนอกจาก บอกเล่าวิถีชีวิตไทย ในพื้นที่ปลูกข้าวหัวไร่ปลายนายังเป็นแหล่งรวมพรรณไม้พืชสมุนไพร ในบริเวณ สวนสมุนไพร ที่แสดงสมุนไพรประเภทต่าง ๆ ครั้งนี้ได้รวบรวมนำองค์ความรู้ภูมิปัญญาไทยพรรณไม้ พืชสมุนไพรในท้องนาให้ศึกษา
รศ.พร้อมจิต ศรลัมพ์ รักษาราชการผู้อำนวยการสวนสมุนไพรสิรีรุขชาติ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลให้ความรู้พรรณไม้ พืชสมุนไพรในท้องนาว่า ก่อนเป็นนาปลูกข้าวหลายพื้นที่เป็นพื้นที่ป่ามาก่อนและพื้นที่เหล่านี้ก็มี ความหลากหลายของพืชพรรณไม้มีทั้งต้นไม้ที่มีลักษณะคล้ายกันและแตกต่างกันตาม ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นพื้นที่นา พืชบางส่วนหายไป แต่ก็มีอีกส่วนยังคงอยู่โดยอยู่ตามหัวไร่ปลายนา ในแปลงนาซึ่งหลายชนิดเป็นพืชสมุนไพร
ภาพประกอบจาก :pm.ac.th
“หญ้าหลายชนิดที่พบไม่ว่าจะเป็นหญ้าคา หญ้าชันกาด แห้วหมู หญ้าปากควาย หญ้าแพรก ฯลฯ เหล่านี้เป็นพืชสมุนไพรพบบ่อย โดยกระจายอยู่ในท้องนา ซึ่งในตำรายาไทยใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แต่ส่วนมากจะไม่ทราบกันจะรู้จักกันในมุมของวัชพืช อย่างรากหญ้าคาตามที่มีการนำมาใช้มีการศึกษาใช้เป็นสมุนไพรตัวหนึ่งในยาไทย”
นอกจากหญ้าการจำลองแปลงนาให้ศึกษาพืชสมุนไพรกันในครั้งนี้ยังมี ต้น โคคลาน ซึ่งมีหลายชนิด แต่ที่กล่าวถึงนี้ไม่มีพิษ แต่มีประโยชน์ โคคลานเป็นพืชไม้เลื้อยซึ่งที่มาของชื่อนั้นกล่าวกันว่าขณะที่โคทำงานไถนาจน หมดแรงเมื่อคลานไปเจออะไรก็จะกิน บังเอิญว่ากินเถาไม้ชนิดนี้ที่ขึ้นตามหัวไร่ปลายนากินแล้วมีแรงขึ้นมาก็เกิด การเรียนรู้และจากภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดกันมา เมื่อนำมาศึกษาวิจัยพบว่าต้นไม้ชนิดนี้มีสารอย่างหนึ่งที่สามารถลดการอักเสบ ที่เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อ
มะแว้งเครือ พืชสมุน ไพรของไทยอีกชนิดที่มีขึ้นอยู่ตามหัวไร่ปลายนา ปัจจุบันก็ได้นำมาปรุงเป็นยา บางทีก็นำมาใส่ในแกงซึ่งก็ใกล้เคียงกับมะเขือพวง ใช้เป็นยาแก้ไอขับเสมหะ ผักคราดหัวแหวน ลักษณะเป็นดอกเหลืองเล็ก ๆ คล้าย กระดุมทองแต่มีขนาดเล็กกว่ามีสรรพคุณแก้ปวดฟัน เมื่อนำมาใช้จะนำดอกมาบดแล้วอุดฟัน บรรเทาอาการปวดเป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้นซึ่งก็พบบ่อยในท้องนา
ไม้เถาอีกชนิดที่ขึ้นอยู่ตามหัวไร่ปลายนาที่นำมาใช้ ประโยชน์ได้เช่นเดียวกันได้แก่ รางจืด พืชสมุนไพรชนิดนี้เป็นที่ทราบกัน อีกทั้งยังมีงานวิจัยกล่าวถึงรางจืดสามารถแก้พิษ ได้ระดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีพืชสมุนไพรที่อยู่ตามชายน้ำ อย่าง พืชกลุ่มบัว ทั้งบัวหลวง บัวสาย ซึ่งเป็นได้ทั้งอาหารและมีสรรพคุณทางยา อย่าง บัวหลวง นั้นเกสรนำมาปรุงยาช่วยบำรุงหัวใจ
กระเม็ง พืชสมุนไพรอีกชนิดที่มีการศึกษาวิจัย ต้นกระเม็งเป็นพืชต้นเล็ก ๆ ซึ่งในตำรายาไทยกล่าวถึงสรรพคุณทางยา อีกทั้งสามารถนำมาใช้หมักผม ย้อมผมได้โดยนำมา ตำผสมกับน้ำมันงา น้ำมันมะพร้าว บางครั้งยังนำพืช ชนิดนี้มาใช้ย้อมผ้า นำสารสกัดสีดำของกระเม็งทำเป็นหมึกพิมพ์ ฯลฯ
ภาพประกอบจาก : samunpri.com
พืชสมุนไพรอีกชนิด หนอนตายหยาก ไม้เถาที่มี ดอกสวยมีรากเป็นกระจุกเหมือนกับกระชาย มีฤทธิ์ฆ่าหนอนซึ่งเวลาที่ทำน้ำปลา หมักปลามักจะมีหนอนก็จะ นำพืชสมุนไพรชนิดนี้พอกไว้ที่ปากไหเพื่อไม่ให้แมลงวัน วางไข่ นอกจากนี้หนอนตายหยากอาจจะนำมาใช้เป็นยากำจัดแมลงเป็นผู้ช่วยในการกำจัด ศัตรูพืชโดยไม่พึ่งพาเคมี นอกจากนี้ตามท้องนาในวิถีไทยยังมีการปลูกพืชสวนครัวอย่าง โหระพา กะเพรา บัวบก ข่า ตะไคร้ ฯลฯ ซึ่งเหล่านี้ต่างก็เป็นสมุนไพร
“สวนสมุนไพรครั้งนี้ จึงเป็นการนำเสนอวิถีชีวิตภูมิปัญญาไทยเป็นวิถีชีวิตความพอเพียงซึ่งอาจเป็น แบบอย่างการดำเนินชีวิต และจากพืชสมุนไพร พรรณไม้ที่มีขึ้นมากมายตามท้องทุ่งนาครั้งนี้ได้นำมาเพียงบาง ส่วน นอกจากนี้ในสวนสมุน ไพรยังนำพืชพรรณไม้ที่พบตามหัวไร่ปลายนาที่มีชื่อ คล้ายกัน อย่าง ลูกใต้ใบกับหญ้าใต้ใบ ต้อยติ่งนากับต้อยติ่งบ้าน ชุมเห็ดเทศกับชุมเห็ดไทย ฯลฯ มาให้ศึกษาความเหมือน ความต่างเผยแพร่ให้รู้จักร่วมด้วย”
ภาพประกอบจาก : samunpri.com
พืชสมุนไพรที่เป็นคู่กันอย่าง เหงือกปลาหมอ พืชที่พบในนาน้ำเค็มซึ่งที่นำมาแสดงมีอยู่สองชนิดได้แก่ เหงือกปลาหมอดอกขาวและดอกม่วง ซึ่งต้นเหงือกปลาหมอดอกขาวพบในทะเลอ่าวไทยถึงชุมพร ดอกม่วงพบตั้งแต่ชุมพรลงไปถึงตอนใต้ ชาวบ้านที่อยู่ในเขตน้ำเค็ม จะนำใบมาต้มอาบแก้คัน แก้โรคผิวหนัง ฯลฯ พลับพลึง ดอกขาว ดอกแดง ที่เป็นที่รู้จักกันในภูมิปัญญาไทยจะ นำกาบพลับพลึงมาอังไฟให้ร้อนแล้วนำมาประคบ ขณะ ที่ตะไคร้แกงกับตะไคร้หอม ใช้ได้ทั้งเป็นยากันยุงโดยกลิ่นตะไคร้หอมช่วยไล่ยุง ขณะ ที่ตะไคร้แกงนำมารับประทานเป็นสมุนไพรช่วยขับลม เป็นต้น
นอกจากพรรณไม้พืชสมุนไพรในท้องนา ข้าว ในแปลงนาส่วนที่เป็นสมุนไพรที่นำมาเป็นยาเกี่ยวเนื่องกับการแพทย์ไทยนั้นมี อยู่ไม่น้อย อย่าง น้ำข้าว ในสมัยโบราณจะหุงข้าวเช็ดน้ำ น้ำข้าวที่เหลือนำมารับประทานเป็นอาหารบำรุงร่างกายเป็นน้ำกระสายยา เช่นเดียวกับ น้ำซาวข้าว อีกทั้ง ข้าวงอก ที่กำลังเติบโต ยังมีวิตามินสูง นมข้าวข้าว จากรวง มีประโยชน์เป็นภูมิ ปัญญาที่มีมาแต่โบราณซึ่งนำมารับประทานเหมาะกับผู้ป่วยที่อ่อนเพลีย ฯลฯ
ในความหลากหลายของพืชสมุนไพรที่แม้บางชนิดอาจเป็นที่รู้จักและบาง ชนิดถูกมองข้ามละเลยไป สมุนไพรในท้องนาส่วนหนึ่งนี้ไม่เพียงเป็นแหล่งความรู้ศึกษาคุณค่าพรรณไม้ หากแต่ยังมีความหมายการสืบรักษาภูมิปัญญาไทยต่อยอดการศึกษาสมุนไพรให้ก้าว ไกลเกิดประโยชน์.