วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2552

ความบันเทิงที่สนใจ

พระเอกในดวงใจ : พี่ออย ธนา




นางเอกในดวงใจ :อั้ม พัชราภา


นักร้องที่ชอบ : พี่เสกโลโซ และลาบานูน

เพลงที่ชอบ : ไม่มีเธอวันนั้นไม่มีฉันวันนี้

อาชีพในอนาคต

อาชีพในอนาคต : นางพยาบาล




คำมั่นสัญญาพยาบาล ขอตั้งปณิธานด้วยดวงจิต


ความรู้ที่ได้มาจะอุทิศ สู่มวลมิตรเพื่อนพ้องผองประชา


มีความรักใคร่สมานฉันท์ ยึดมั่นจรรยาบรรณและหาญกล้า


อุทิศตนด้วยรักและศรัทรา ประกาศความเมตตาทั่วสากล






คติประจำใจ : คิดจะฝันต้องใฝ่ คิดจะไปต้องถึง

การเพิ่มสไลด์จากPicasa

1.เข้าไปที่ www.gmail.com

2.ใส่ชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน แล้วคลิกลงชื่อเข้าใช้งาน





คลิกที่ภาพถ่าย





คลิกเลือกอัลบั้มที่คุณต้องการทำสไลด์



คลิกที่ เชื่อมโยงไปยังอัลบั้มนี้




คลิก Embed slideshow



คัดลอกข้อมูลในตาราง ดังตัวอย่างข้างล่าง




คลิก เสร็จเรียบร้อย



จากนั้นเข้าไปที่www.blogspot.com


แล้วใส่ชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน แล้วคลิกชื่อเข้าใช้งาน

คลิกที่บทความใหม่



คลิกขวา เลือกpaste ดังตัวอย่างข้างล่าง




คุณสามารถที่จะดูภาพก่อนเผยแพร่บทความ โดยคลิกที่ แสดง




จากนั้นคลิกที่เผยแพร่บทความ

คลิก ที่ ดูบล็อก



ขั้นตอนสุดท้าย คุณจะได้สไลด์ดังตัวอย่างข้างล่าง





การเพิ่มบทความ

1.คลิกที่ https://www.blogger.com/

2.พิมพ์ชื่อผู้ใช้ (อีเมล): และ รหัสผ่าน: (?)


3.คลิกไปที่บทความใหม่ เพื่อเพิ่มบทความค่ะ

4.สามารภเพิ่มบทความที่คุณอยากต้องการได้ตามใจชอบ โดยพิมพ์ชื่อเรื่องและป้ายกำกับให้เรียบร้อยนะคะ



5.คลิกเผยแพร่บทความ ดังตัวอย่างภาพข้างล่างนะคะ


6.ให้คลิกดูบล็อก ดังตัวอย่างภาพข้างล่างนะคะ

7.สามารถเข้าชมบทความที่คุณสร้างได้แล้วค่ะ

เป็นไงบ้างคะ ไม่ยากเกินที่คิดเพียงแค่ทำตามขั้นตอนดังที่กล่าวมา ก็สามารถเพิ่มบทความได้

ขั้นตอนการสมัคร Gmail

ขั้นตอนการสมัคร Gmail

ขั้นตอนการสมัคร Gmail รับไปเลย วิธีสมัคร Gmail ไม่มีอะไรยุ่งยากมากนัก เพียงแต่กรอกข้อมูลตามที่แบบฟอร์มเท่านั้นค่ะ เพื่อไม่เสียเวลา ทำตามขั้นตอนดังนี้เลยค่ะ
พิมพ์ http://www.gmail.com/


จากนั้นคลิกที่ ลงทะเบียน Gmail [Sing Up For Gmail] จะปรากฎหน้าต่าง สร้างบัญชี


พิมพ์รายละเอียดตามที่ปรากฎให้ครบ (เป็นภาษาอังกฤษนะครับ)ตามนี้เลยคะ








1. First name : ชื่อ ใส่ชื่อเราลงไป

2. Last name : นามสกุล ใส่นามสกุลเราลงไป

3. Desird Login Name ชื่อการเข้าสู่ระบบที่ต้องการ

4. Check availability! คลิกเพื่อตรวจสอบว่ามีผู้ใช้แล้วหรือยัง

5. Choos a password รหัสผ่าน

6. Re-enter a password กรอกรหัสผ่านอีกครั้ง

7. Security Question เลือกคำถามที่ต้องการ

8. Answer คำตอบ

9. Secondary email เมล์สำรองเพื่อแจ้งปัญหา

10. Location เลือกเป็น ราชอาณาจักรไทย


11. Word Verification พิมพ์คำตามที่ปรากฎในรูป


12. คลิก I accept Create my account (ฉันยอมรับโปรดสร้างบัญชีของฉัน)


จากนั้นก็คลิกที่ แสดงบัญชีของฉัน

ถ้าหน้าจอแสดงดังภาพข้างล่างถือว่าคุณสมัคร gmail สำเร็จแล้ว และสามารถเข้าไปใช้งานได้แล้วค่ะ




ง่ายใช่ไหมคะ ทีนี้เราก็จะได้เมลล์ที่มีประสิทธิภาพสูงมาใช้งานแล้วหล่ะ

วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2552

ขั้นตอนในการสมัคร blog




ขั้นตอนการสมัคร Blog สิ่งสำคัญต้องสมัคร Gmail มาเรียบร้อยก่อนจึงจะสมัคร Blog เพื่อความสะดวกในการเรียกใช้งานค่ะ

ในบทความนี้ จะได้สอนถึงการสร้างเว็บบล็อกเพื่อใช้งานเกี่ยวกับธุรกิจ Online ด้วย Google AdSense โดยบล็อกที่จะสร้างนี้ ต้องมีเนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษก่อนนะครับ เพื่อที่จะเอาเว็บบล็อกอันนี้ไปสมัครกับ Google AdSense ให้ผ่านก่อน


ไม่ต้องตกใจนะคะสำหรับผู้ที่ไม่ชำนาญการเรื่องภาษาอังกฤษ หรือไม่รู้ภาษาอังกฤษเลย ก็สามารถทำเว็บภาษาอังกฤษได้

ส่วนรายละเอียดและวิธีการ จะเริ่ม ณ บัดนี้ค่ะ
1. คลิกที่ >>> Blog หรือไปที่ http://www.blogger.com/



2.คลิกที่ >>> สร้างเว็บบล็อกของท่านเดี๋ยวนี้ จะปรากฎดังรูปด้านล่าง


3. ให้ใส่รายละเอียดดังนี้


ที่อยู่อีเมล ใส่ Gmail ที่ได้สมัครไว้จากบทเรียนที่แล้ว


Enter Password ใส่รหัสผ่าน พิมพ์รหัสผ่านอีกครั้ง ใส่รหัสผ่านอีกครั้งให้เหมือนกัน


Display name ตั้งชื่อที่จะให้แสดงตอนโพสเว็บบล็อก การรับรองความถูกต้องของคำ พิมพ์ตามอักษรที่ปรากฎให้ถูกต้อง Acceptance for Terms ติ๊กให้มีเครื่องหมายถูก


คลิก >> ดำเนินต่อไป



4. จากนั้นให้ ตั้งชื่อเว็บบล็อกของท่าน ตัวอย่างด้านล่าง


ชื่อเว็บบล็อก ให้ตั้งชื่อเว็บบล็อกที่ต้องการ


ที่อยู่เว็บบล็อก ใส่ที่อยู่เว็บบล็อกตามต้องการ


จากนั้นคลิก >>> ตรวจสอบความพร้อมใช้งานเพื่อตรวจเช็คดีว่ามีคนใช้แล้วหรือยัง
จากนั้นคิก >>> ดำเนินต่อไป
5. จากนั้นจะเข้าสู่การเลือกแม่แบบว่า เราต้องการเว็บบล็อกรูปแบบไหน มีให้เลือกมากมายตามต้องการ






เมื่อคลิกเลือกแม่แบบได้ตามต้องการแล้ว คลิกที่ >>> ดำเนินต่อไป
6. เพียงแค่นี้ คุณก็สามารถมีเว็บบล็อกเป็นของตัวเองไว้ใช้งานสำหรับทำเงินได้แล้วครับ





เป็นอย่างไรบ้างค่ะกับการสมัครเว็บบล็อก Blogger.com ไม่ยากอย่างที่คิดนะคะ
ส่วนวิธีการใช้งาน สามารถศึกษาได้ในบทเรียนต่อไปค่ะ

ประมวลภาพกิจกรรม

ประมวลภาพกิจกรรมในช่วงที่เรียนชั้นมัธยศึกษา



>
ประมวลภาพกิจกรรมในการเรียนมหาวิทยาลัย

ความสามารถพิเศษ

ความสามารถพิเศษ
ด้านกีฬา
เป็นนักกีฬาแบดมินตัน








ด้านการเต้น
เข้าร่วมการแข่งขันเชียร์ลีดเดอร์(ม.4-ม.6)
กีฬาสีประจำปี ณ โรงเรียนนาดูนประชาสรรพ์



งานอดิเรก

งานอดิเรก
ในเวลาว่าง กิจกรรมที่ชอบทำที่สุดคือ การนอนหลับพักผ่อน


ประโยชน์ของการนอนหลับ



มนุษย์เราใช้เวลาในการนอนหลับของชีวิตในการนอนหลับ แต่ยังมีการศึกษาค้นพบข้อมูลน้อยมากในขณะนั้นผู้หลับจะไม่รู้สึกตนเองและจะไม่ตอบสนองต่อสิ่งร้าจากสิ่งแวดล้อมเท่าใดนักอย่างไรก็ตาม ประสาทบางส่วนในร่างกายก็กำลังทำงานอย่างเต็มที่ เช่นเสียงเล็กน้อยก้ก้อาจตื่นได้ ในทางชีววิทยา ปอดและหัวใจขระนอนหลันจะทำงานอย่างช้า ๆ ในนขณะที่ต่อมเหงื่อ และสมองบางส่วนจะมีการทำงานอย่างเต็มที่ การทำงานของสมองบางส่วนจะมีการทำงานอย่างเต็มที่ การทำงานของงสมองนี้เป็นข้อมูลของฐานของงความฝัน การละเมอทั้งพูดและเดิน ความกังกลเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกพฤติกรรมนี้

สิ่งสำคัญที่เกิดในขณะนอนหลับก็ คือ มีการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ มีการทดลองเซลล์ผิวสามารถแบ่งตัวสร้างเซลล์ใหม่ได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในขณะที่นอนหลับ เวลานอนที่มนุษย์ต้องการนั้นขึ้นอยู่กับอัตราการเจริญเติบโต เช่น ทารกย่อมต้องการนอนมากว่าเด็กอายุ 2-3 ขวบ และยื่งโตขึ้นก็ยิ่งนอนน้อยลงไปตามลำดับ แต่คนแก่เมื่อร่างกายถดถอยลง กลับต้องการการนอนหลับมากขึ้น เช่นเดียวกับผู้ป่วยหลังผ่าตัดที่กำลังพักฟื้น มนุษย์เราสามารถอดนอนได้ไม่เกิน 9 วัน การอดนอนจะทำให้รู้สึกหงุดหงิด ในผู้ใหญ่ปกติควรนอน 6-8 ชั่วโมงต่อวัน จึงเพียงพอ


แหล่งที่: คณาจารย์คณะวิทยาศาสตร์.สารานุกรมวิทยาศาสาตร์.กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์,2534.



กิจกรรมที่2 ที่ชอบทำในเวลาว่างๆ

คือ การฟังเพลง



คนที่ชอบฟังเพลง ทราบหรือไม่ว่า มีประโยชน์อย่างไรวันนี้ก็มีเอาเรื่องนี้มาฝาก...
ถ้ารู้สึกความดันโลหิตขึ้นสูง ไม่ต้องตกใจ พยายามผ่อนหายใจ และหันไปเปิดเพลงช้า ๆ ฟัง จะพบว่า มันจะค่อย ๆ ลดลงได้ ผลวิจัยของสมาคมแพทย์โรคความดันโลหิตสูงอเมริกัน รายงานว่า ผู้ที่เป็น โรคความดันโลหิตสูง อย่างอ่อน จะสามารถให้มันกลับลดลงได้ อย่างน่าสังเกต เพียงฟังเพลงคลาสสิก วันละครึ่งชั่วโมง ติดต่อกันสัก 1 เดือน โรคความดันโลหิตสูง นับเป็นโรคที่เป็นกันอยู่อย่างแพร่หลาย เมื่อมันขึ้นไปอยู่ระดับสูง แล้วไม่กลับลงมาสู่ระดับปกติ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลก ปีหนึ่ง ๆ ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน ดร.เปียโตร เอ.โมเดสติ ศาสตราจารย์วิชาอายุรศาสตร์ มหาวิทยาลัยฟลอเรนซ์แห่งอิตาลี หัวหน้าคณะนักวิจัยกล่าวว่า "เพลงจะช่วยขับกล่อม และมีส่วนในการควบคุมความเจ็บปวด ความวิตกกังวลของคนไข้ และทำให้ความดันโลหิตลดลงได้อย่างฉับพลัน" พร้อมกับกล่าวต่อว่า "นับว่าเพิ่งได้ยินผลการศึกษาที่แสดงให้เห็นอิทธิพลของการฟังดนตรีประจำวัน กับโรคความดันโลหิตสูงอย่างชัดเจน จึงอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ ที่พบว่ามันเป็นผลดีทั้งกับคนไข้และหมอ ซึ่งต่อไปจะเชื่อมั่นได้ว่า การฟังเพลง เป็นเรื่องปลอดภัยและให้ผลดี อาจเป็นหนทางรักษาโดยไม่ต้องพึ่งยาอีกทางหนึ่ง"

การศึกษา

การศึกษา

สำเร็จการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา โรงเรียนโนนรังวิทยา

สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย
จากโรงเรียนนาดูนประสรรพ์
อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม








สถานศึกษาในความทรงจำ

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุระนารี
สาขาสาธารณสุขศาสตร์ สำนักวิชาแพทยศาสตร์
(ไปเรียนแค่ 1 เดือน)





สถานศึกษาปัจจุบัน

นิสิตชั้นปีที่1 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม


วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2552

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

http://th.upload.sanook.com/A0/5680d3734492bc8206deeb0ee65accf9

การดูแลตัวเองโดยคุณหมอ ตอนที่ 3

Hotline สายสุขภาพ กับ Apex Part 1/3

Hotline สายสุขภาพ กับ Apex Part 1/3




การดูแลสุขภาพ 1

การดูแลสุขภาพ 1


http://www.youtube.com/watch?v=1d9CkYqsPXw



การดูแลสุขภาพ 7

การดูแลสุขภาพ 6


http://www.youtube.com/watch?v=nx-NLg2tTQE

การดูแลสุขภาพ 6

การดูแลสุขภาพ 4

http://www.youtube.com/watch?v=icnivoxvhfk&feature=related

สาเหตุของการมีพุง แต่ไม่ใช่เพราะไขมัน

สาเหตุของการมีพุง แต่ไม่ใช่เพราะไขมัน


สาเหตุของพุงป่องไม่ใช่จากการรับประทานเพียงอย่างเดียว และคนพุงป่องก็ไม่ได้แปลว่าอ้วนด้วย แต่อาจเป็นเพียงอาการบวมน้ำเท่านั้น
1. การแพ้อาหาร
บางครั้งอาการท้องบวมอาจเกิดจากอาการระคายเคืองหรือการติดเชื้อของระบบย่อยอาหารในช่องท้อง หรืออาจรวมถึงการรับประทานยาบางชนิดที่ทำให้บวมน้ำและยังรวมไปถึงการมีรอบเดือนด้วย แต่ถ้ารู้สึกว่าหน้าท้องบวมขึ้นผิดปกติหลัง ทานอาหารบางชนิด ให้สันนิษฐานได้ว่าน่าจะมีอาการแพ้อาหารเข้าให้แล้ว จากสถิติพบว่าอาหารจำพวกแป้งและนมมีโอกาสทำให้เกิดอาการแพ้และบวมมากที่สุด
2.อาหารลดน้ำหนัก
คนที่ชอบหวังพึ่งอาหารลดน้ำหนักจำพวกโลว์-แฟ้ต หรือแฟ้ต-ฟรีมักจะมีปัญหาพุงป่อง เนื่องจากคิดว่ามันเป็นอาหารแคลอรี่ต่ำ จึงสามารถกินมากกว่าปกติ อาหารพวกนี้อาจมีพลังงานน้อยกว่าปกติ แต่มันก็ไม่ได้น้อยขนาดนั้น ทางที่ดีหันมารับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้นจะดีกว่า รวมทั้งรับประทานอาหารที่มีเอนไซม์ช่วยย่อย อาทิ น้ำมะนาว น้ำส้มสายชูสกัดจากแอ๊ปเปิ้ล หรือผักสดต่าง ๆ
3. กินช้า ๆ แต่บ่อย ๆ
ค่อย ๆ เคี้ยวอาหารช้า ๆเพื่อให้ประสาทรับรู้ค่อย ๆ รู้สึกอิ่ม และในแต่ละมื้ออย่ากินให้เยอะจนอิ่มแน่นท้อง ควรแบ่งมื้ออาหารออกเป็นมื้อย่อย ๆ แต่อย่ากินขนมจุบจิบจำพวกขนมนมเนยต่าง ๆ เลือกกินผลไม้หรือธัญพืช เมื่อหิวระหว่างมื้อจะดีกว่า
4.ขจัดสาร
พิษแอลกอฮอล์ คาเฟอีน และนิโคตินในบุหรี่มีผลร้ายต่อระบบเผาผลาญอาหารของร่างกาย ส่งผลให้ร่างกายบวมน้ำและยังก่อให้เกิดเซลลูไลท์อีกด้วย ดังนั้นเมื่อรู้เหตุดังนี้แล้วก็แค่ลดละเลิกการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และคาเฟอีนต่าง ๆ และเลิกสูบบุหรี่ไปซะด้วยเลยในเวลาเดียวกัน
5.หัดกินสักนิด
ในกระเพาะจะมีแบคทีเรียอาศัยอยู่เพื่อช่วยในการย่อยอาหาร แต่บางครั้งแบคทีเรียเหล่านี้ก็อาจถูกกำจัดไปจากสภาวะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยหรือการรับประทานอาหารบางชนิด แนะนำให้รับประทานโยเกิร์ตรสธรรมชาติเป็นประจำเพื่อปรับสมดุลแบคทีเรียกลุ่มที่เป็นประโยชน์ จะช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นและช่วยให้หน้าท้องบวมน้อยลงด้วย
6. ดื่มน้ำให้มาก
อาการบวมน้ำนี้ ควรดื่มน้ำให้ได้อย่าง ต่ำ 8 แก้วต่อวัน แต่วิธีการดื่มนั้นอย่าดื่มหมดแก้วในคราวเดียวควรจิบ น้ำบ่อย ๆ เรื่อย ๆ เพราะการที่ดื่มน้ำแก้วใหญ่ในคราวเดียว จะทำให้กระเพาะปัสสาวะขยายใหญ่ ถ้าจะให้ดีลองเลือกดื่มชาสมุนไพร อาทิ ชาเป็ปเปอร์มินต์ หรือชาคาโมไมล์แทนน้ำเปล่า โดยเฉพาะการดื่มในช่วงหลังอาหาร จะช่วยให้อาหารที่รับประทานเข้าไป ย่อยได้ดีขึ้นด้วย
7. บริหารกล้ามเนื้อหัวใจ
ผู้หญิงหลายคนเชื่อว่าการซิตอัพทุกวันจะช่วยให้หน้าท้องแบนเรียบแต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย แม้ว่าการซิตอัพจะช่วยสร้างกล้ามท้อง แต่ถ้าร่างกายนั้นยังปกคลุมด้วยชั้นไขมัน หน้าท้องเรียบตึงก็จะไม่มีวันโผล่มาให้เห็นหรอก ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เป็นประจำอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน อย่างต่ำ 3 วันต่อสัปดาห์เพื่อให้ร่างกายได้เผาผลาญไขมันออกไป บวกกับการซิตอัพ คราวนี้รับรองสวยตึงแน่นอน
8. หายใจลึก ๆ
เมื่อหายใจเข้าออกแบบลึก ๆ จะช่วยให้ร่างกายจะคลายความตึงเครียดออกมา รวมทั้งยังช่วยในการเติมอ็อกชิเจนและพลังชีวิตให้ร่างกายด้วย ทุกครั้งที่หายใจให้พยายามหายใจให้ลึกเข้าไปยังท้อง อย่าหยุดเพียงแค่เก็บลมไว้ในช่องอกการหายใจเข้าออกจากท้องเป็นนิสัยจะช่วยกระชับให้กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
9. นวดกระชับหน้าท้อง
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการนวด ช่วยได้ จริงๆ เนื่องจากการนวดท้องนั้น ช่วยไล่ลมที่กักเก็บไว้ในช่องท้องได้ และช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นด้วย ณ วิธีการนวดก็ไม่ยาก เพียงวางฝ่ามือลงบนท้องแล้วนวดวนตามเข็มนาฬิกา ถ้าอยากเห็นผลลัพธ์เร็วขึ้น อาจใช้ครีมจำพวกกระชับกล้ามเนื้อหน้าท้องร่วมด้วย ก็ได้ถ้าอยากมีหน้าท้องที่แบนเรียบ ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้.

10 อันดับเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ที่สุด

10 อันดับเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ที่สุด

http://women.sanook.com/health/tips/tips_52335.php



นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิส จัดอันดับ 10 เครื่องดื่มที่มีประโยชน์ที่สุดในโลก โดยดูที่ระดับสารแอนติออกซิแดนต์ หรือสารต้านอนุมูลอิสระ


ปัจจุบันมีเครื่องดื่มหลายชนิดอ้างว่า ใส่สารอนุมูลอิสระไว้ แต่หลายคนไม่ทราบว่าสารนี้คืออะไรกันแน่ สำหรับสารต้านอนุมูลอิสระ มีประ โยชน์เนื่องมาจากในขบวนการปฏิกิริยาชีวเคมี ที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย จะมีการขับของเสียที่ร่างกายได้รับ ได้แก่ ควันบุหรี่ แอลกอฮอล์ รังสียูวี เอกซเรย์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นอนุมูลอิสระที่มีอันตรายต่อเซลล์ในร่างกาย ที่อาจส่งผลให้เกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ภาวะข้อต่ออักเสบ ต้อกระจก และการเสื่อมของอวัยวะต่างๆ อนุมูลอิสระจะทำลายเนื้อเยื่อเซลล์ เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของดีเอ็นเอ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการมีเซลล์มะเร็ง และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่นำไปสู่ขบวนการเกิดโรคมะเร็ง

สำหรับ 10 อันดับเครื่องดื่มที่มีประโยชน์มากที่สุด คือ

1. น้ำทับทิม

2. ไวน์แดง

3. น้ำองุ่นคอนคอร์ด

4. น้ำบลูเบอร์รี่

5. น้ำแบล็กเชอร์รี่

6. น้ำอะซาอี

7. น้ำแครนเบอร์รี่

8. น้ำส้ม

9. น้ำชา

10. น้ำแอปเปิ้ล - ปราฟดา

นมเปรี้ยวแก้ท้องผูก และแก้ท้องเสีย

นมเปรี้ยวแก้ท้องผูก และแก้ท้องเสีย
หัวข้อของบทความนี้อาจทำให้งงได้ เพราะทำให้เกิดความสงสัยว่า ในเมื่อนมเปรี้ยวสามารถจะช่วยแก้ไขปัญหาท้องผูกได้ เหตุใดจึงยังสามารถแก้ไขปัญหาท้องเสียได้ด้วย ซึ่งเป็นอาการที่ตรงข้ามกัน แต่หัวข้อนี้ไม่ผิด นมเปรี้ยวมีคุณสมบัติเช่นนี้จริง ๆ เพียงแต่ไม่สามารถรักษาปัญหาท้องผูกได้ทุกคน และก็ไม่สามารถรักษาปัญหาท้องเสียได้ทุกกรณี
คราวนี้เรามาดูกันในส่วนประกอบว่า นมเปรี้ยวนั้นส่วนใหญ่มีอะไรบ้าง นมเปรี้ยวเกิดจากการหมักนมขาดมันเนย ด้วยแบคทีเรียที่ดี 2 ชนิด คือ Lactobacilli และ Streptococcus thermophilus ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่พบได้เป็นจำนวนมากในลำไส้ใหญ่ของทุกคน โดยเฉพาะในคนที่ดื่มนมเป็นประจำ เมื่อหมักนมวัวนี้ด้วยแบคทีเรียทั้ง 2 ชนิดในเวลาและอุณหภูมิที่พอเหมาะ น้ำตาลแลคโตสในนมวัวจะถูกย่อยสลายหมดไป กลายเป็นกรดแฟตตี้ที่มีโมเลกุลสั้น คือ Acetic, Butyric และ Propionic acid กรดแฟตตี้ทั้ง 3 นี้ ทำให้นมมีรสเปรี้ยว ในขั้นตอนสุดท้ายมีการเติมน้ำตาลทรายลงไปเพื่อปรุงรสชาติให้ชวนดื่ม ก่อนที่จะนำออกมาจำหน่าย นมเปรี้ยวเหล่านี้จึงมีแบคทีเรียทั้ง 2 ชนิดนี้จำนวนมาก โดยไม่มีน้ำตาลแลคโตสหลงเหลืออยู่ จึงแก้ไขปัญหาคนที่ดื่มนมวัวแล้วท้องเสียได้ เนื่องจากปัญหาการที่ไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมได้ และเนื่องจากมีแบคทีเรียทั้ง 2 ชนิดที่ยังมีชีวิตอยู่ จึงต้องเก็บไว้ในตู้เย็น ให้มีอุณหภูมิใกล้ 4 องศา เพื่อไม่ให้แบคทีเรียนี้มีการหมักน้ำตาลอีกต่อไป เวลาจำหน่ายจึงต้องเก็บไว้ในตู้เย็นตลอดเวลา
ประโยชน์ที่จะได้จากการดื่มนมเปรี้ยวก็คือการได้รับแบคทีเรียชนิดดีทั้ง 2 ชนิดเข้าไปในลำไส้ โดยมีการศึกษาที่พบว่า Lactobacilli จะช่วยกำจัดแบคทีเรียชนิดร้ายที่อาจจะเจริญเติบโตในลำไส้และทำให้เกิดท้องเสียได้ แต่ขณะนี้แบคทีเรียที่ทำให้เกิดท้องเสียชนิดเฉียบพลันหลายชนิดดื้อต่อ Lactobacilli จึงมักจะต้องได้ยาปฏิชีวนะในการรักษาท้องเสีย การดื่มนมเปรี้ยวเพื่อรักษาโรคท้องร่วงจากเชื้อแบคทีเรียจึงอาจจะไม่สามารถควบคุมเชื้อแบคทีเรียได้ อย่างไรก็ตามการดื่มนมเปรี้ยวเป็นประจำอาจจะช่วยป้องกันลำไส้ไม่ให้ท้องเสียได้ ในกรณีที่รับประทานอาหารที่อาจมีแบคทีเรียชนิดร้ายปะปนเข้าไปในอาหาร
สำหรับกลไกที่นมเปรี้ยวช่วยแก้ไขท้องผูกนั้นเชื่อว่า การมีแบคทีเรียชนิดนี้จำนวนมากจะช่วยทำให้ลำไส้ใหญ่แข็งแรง มีแรงบีบตัวที่มากขึ้น ช่วยในการผลักดันอุจจาระออกมาง่ายขึ้น นอกจากนั้นแบคทีเรียชนิดดีนี้จะช่วยย่อยกากใยในอาหาร ทำให้เกิดกรดแฟตตี้โมเลกุลสั้นจำนวนมากมาย ซึ่งเป็นอาหารของเซลล์ต่าง ๆ ในลำไส้ใหญ่ และเกิดน้ำและก๊าซทำให้อุจจาระนุ่ม ไม่เกาะตัวแน่นจนแข็งเป็นก้อนใหญ่ อุจจาระที่นุ่มนี้จึงทำให้ถ่ายได้ง่าย แต่คนที่มีอาการท้องผูกที่เป็นมานานและมีอุจจาระที่แข็งและก้อนใหญ่มาก หรือแข็งจนเป็นเม็ดกระสุนอาจจะตอบสนองไม่มีดีต่อนมเปรี้ยว จึงควรได้รับการรักษาด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย
สิ่งที่ได้จากการดื่มนมเปรี้ยวถัดมาก็คือ การได้แคลเซียมจากนมวัวที่นำมาทำนมเปรี้ยว แต่เนื่องจากนมเปรี้ยวนี้มีราคาแพงกว่านมวัวพร้อมดื่มทั่วไปเกือบ 3 เท่าตัว เมื่อเปรียบเทียบในปริมาณน้ำนมที่เท่ากัน จึงไม่แนะนำให้ดื่มนมเปรี้ยวเพื่อหวังจะได้รับแคลเซียมเพียงอย่างเดียว
น้ำตาลทรายในนมเปรี้ยวนี้มีส่วนที่ทำให้ฟันผุได้ง่าย ดังนั้นเมื่อดื่มนมเปรี้ยวทุกครั้งก็ควรจะบ้วนปาก เพื่อกำจัดคราบน้ำตาลในนมที่อาจเกาะติดที่ฟันได้ ในกรณีที่ดื่มนมเปรี้ยวแล้วเข้านอน ก็ควรได้รับการแปรงฟันทุกครั้ง
ยังมีนมเปรี้ยวที่ผสมผลไม้ชนิดต่าง ๆ และทำให้เป็นครีมเข้มข้น จึงควรอ่านฉลากข้างขวดว่า ให้พลังงานเท่าใดด้วย เพราะถ้ารับประทานมากเกินไปก็อาจทำให้เป็นโรคอ้วนได้ ถ้าแยกดื่มเป็นนมวัวธรรมดา และรับประทานผลไม้เป็นประจำก็จะประหยัดเงินกว่ามาก
และสุดท้าย มีนมเปรี้ยวที่บรรจุในกล่องยูเอชทีโดยไม่ได้แช่ตู้เย็น นมเปรี้ยวชนิดนี้จะไม่มีแบคทีเรียที่มีชีวิตทั้ง 2 ชนิดนี้ จึงมีแต่น้ำนมที่ไม่มีน้ำตาลแลคโตส แต่มีน้ำตาลทรายและกรดแฟตตี้ชนิดโมเลกุลดังที่ได้กล่าวมา จึงให้คุณค่าคล้ายน้ำนมวัวธรรมดาแต่จะแพงกว่าการดื่มนมวัว จึงควรพิจารณาความคุ้มค่าทางด้านโภชนาการกับจำนวนเงินที่ต้องจ่ายไป
สุดท้ายนี้ขอเตือนให้จำว่า การดื่มนมนั้นเมื่อให้ร่างกายได้รับแคลเซียมและแร่ธาตุอื่น ๆ เป็นหลัก แต่ที่ได้นอกเหนือจากนั้นก็คือ การได้รับโปรตีนและพลังงานที่มากพอสมควร โดยปกตินม 1 แก้ว จะให้พลังงานเกือบ 12% และ 10% ของความต้องการพลังงานใน 1 วัน ในหญิงและชายตามลำดับ ถ้าไม่อยากให้ได้รับพลังงานมากเกินไป ก็ควรดื่มนมขาดมันเนย และเมื่อจะดื่มนมเปรี้ยว เราก็คาดหวังจะได้รับแบคทีเรียชนิดดีทั้ง 2 ชนิดดังที่ได้กล่าวมา จึงควรดื่มเพียงชั่วคราว โดยเฉพาะควรดื่มหลังจากการได้กินยาปฏิชีวนะในการรักษาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ เมื่อดื่มนมเปรี้ยวได้สักระยะ ภายในลำไส้ใหญ่ก็จะมีแบคทีเรียชนิดดีนี้จำนวนมาก ก็ควรจะเลี้ยงแบคทีเรียนี้อย่างต่อเนื่องด้วยการรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำทุก ๆ วัน โดยไม่จำเป็นต้องดื่มนมเปรี้ยวอีกต่อไป.


เหงื่อบอกโรค

เหงื่อบอกโรค

เหงื่อจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อร่างกายสัมผัสกับสิ่งกระตุ้น 2 อย่าง คือ ความร้อน และอารมณ์ ในทางการแพทย์ระบุว่า เหงื่อสามารถบ่งบอกอาการของโรคบางชนิดได้

ในนิตยสาร "ชีวจิต" ฉบับ พ.ย. พ.ญ.เมทินี ไชยชนะ แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป โรงพยาบาลฝาง จ.เชียงใหม่ อธิบายว่า โรคที่สัมพันธ์กับเหงื่อมี 2 ประเภท คือ

1.โรคที่ทำให้เหงื่อออกมาก

เครียด เหงื่อจะออกมากบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า รักแร้ และหน้าผาก ประกอบกับมีอาการอื่นร่วม เช่น ชีพจรเต้นเร็ว ใจสั่น มือสั่น

ต่อมธัยรอยด์เป็นพิษ หรือ คอพอก เหงื่อจะซึมออกมาทั่วตัว โดยเฉพาะบริเวณฝ่ามือทั้งสองข้าง ร่วมกับมีอาการขี้หงุดหงิด มือสั่น ขี้ตกใจ น้ำหนักลด ตาโปน ผมร่วง เหนื่อยง่าย ใจสั่น หิวน้ำบ่อย

วัณโรค เหงื่อออกมากทั่วตัวในเวลากลางคืน สลับกับเป็นไข้ ไอเรื้อรัง

เบาหวาน เหงื่อซึมทั่วตัว โดยเฉพาะที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า ใจสั่น เหนื่อยหอบ หวิวๆ เหมือนจะเป็นลม

โรคหัวใจ เหงื่อแตก ร่วมกับใจสั่น เหนื่อยหอบ ขณะออกกำลังกาย หากมีอาการแน่นที่คอและหน้าอก เหงื่อออกตามนิ้วมือนิ้วเท้าทุกครั้งที่ออกกำลังกาย มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจสูง

ภาวะใกล้หมดประจำเดือน เนื่องจากสมองหลั่งฮอร์โมนเพศหญิง "โพรเจสเทอโรน" น้อยลง เหงื่อจะออกมากในเวลากลางคืน

2.โรคที่ทำให้เหงื่อออกน้อย

ผู้ที่เหงื่อออกน้อยผิดปกติ เนื่องจากต่อมเหงื่อทำงานบกพร่อง มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะความร้อนในร่างกายสูง อาจก่อให้เกิดโรคตามมาดังนี้โ

รคผิวหนัง เช่น ผด ผื่น สะเก็ดเงิน ผิวแห้งแตกหยาบ เนื่องจากต่อมเหงื่อใต้ผิวหนังถูกกดไว้จนไม่สามารถขับเหงื่อได้ตามปกติ ทำให้เกิดอาการอุดตันในขุมขนและเป็นโรคได้ในที่สุด

ไมเกรน คนที่มีความเครียดเป็นทุนเดิม ชีพจรเต้นเร็วกว่าปกติ ทำให้เกิดการใช้พลังงานมากกว่าปกติ หากร่างกายได้รับการกระตุ้นจนเกิดความร้อนสะสมแต่กลับไม่มีเหงื่อออกมา อาจทำให้ใจสั่น นอนไม่หลับ เกิดภาวะปวดศีรษะอย่างรุนแรงจนเป็นไมเกรน

คุณหมอเมทินี เสริมว่า โรคที่ทำให้เกิดความผิดปกติของเหงื่อใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ ต้องมีปัจจัยอื่นร่วมอีกหลายอย่าง แต่มีทางป้องกันได้ ด้วยการหมั่นดูแลสุขภาพตัวเอง ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1 ลิตร ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเหงื่อของร่างกาย และเลือกสถานที่อยู่ให้เหมาะสม ไม่ร้อนหรือแห้งเกินไป จะช่วยป้องกันโรคอันเกิดจากต่อมเหงื่อทำงานบกพร่องได้

แป๊ะก๊วย ช่วยเพิ่มความจำ

แป๊ะก๊วย ช่วยเพิ่มความจำ
มนุษย์เราเกิดมาต้องการอะไร? บางคนตอบว่าต้องการความสุข อะไรคือความสุขในชีวิตของมนุษย์เรา
ชีวิตที่มีความสุข คือ ชีวิตที่มีความสะดวกสบาย นึกอยากจะทำอะไร อยากได้อะไร ก็สามารถทำได้ หรือหาซื้อมาได้ แต่นั่นคงจะไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง เพราะหากจิตใจไม่สบาย ร่างกายอ่อนแอ เจ็บไข้ได้ป่วยกระเสาะกระแสะ ก็คงไม่มีความสุข ดังนั้นปัจจัยหลักที่ทำให้คนมีความสุขก็ต้องเป็นผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
มีคำแนะนำทางการแพทย์ว่า คนเราจะมีสุขภาพดี ต้องประกอบด้วย 5 อ. คือ อาหาร อากาศ อารมณ์ อุจจาระ และออกกำลังกาย ซึ่งสามารถแยกแยะได้ ดังนี้

อาหาร ควรเป็นอาหารที่เหมาะสมกับร่างกาย กินแล้วให้ประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่มีโทษหรือพิษภัย หรือมีผลข้างเคียงให้เกิดโรคภัยภายหลัง
อากาศ ที่ใช้หายใจเข้าออก ต้องเป็นอากาศที่บริสุทธิ์ ปราศจากมลพิษใดๆ เพราะหัวใจของคนต้องการอากาศเข้าไป เพื่อสูบฉีดโลหิตไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ให้ทำงานตลอดเวลา อากาศบริสุทธิ์ทำให้รู้สึกสดชื่น มีความสุข
อารมณ์ ผู้ที่มีอารมณ์แจ่มใส ร่าเริง จะมีความสุขกว่าคนที่มีอารมณ์ขุ่นมัว หงุดหงิด ฉุนเฉียว นอกจากนั้นแล้วยังมีผลต่อระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายอีกด้วย
อุจจาระ คือ กากอาหาร หรือของเสียที่ร่างกายย่อยแล้ว นำส่วนที่ดีไปใช้ หลังจากนั้นก็จะขับถ่ายออกมา หากตกค้างอยู่ในร่างกายนานเกินไป จะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ คนที่มีระบบขับถ่ายที่ดี จะมีหน้าตาสดใส มีน้ำมีนวล ตรงกันข้ามกับคนที่ไม่ค่อยขับถ่าย หรือที่เรียกว่า ท้องผูก
ออกกำลังกาย เป็นการบริหารอวัยวะทั้งภายในและภายนอก ทำให้ได้รับการเคลื่อนไหว ช่วยให้เกิดการเสริมสร้างส่วนที่ขาด หรือลดส่วนที่เกิน ช่วยในการทำงานของหัวใจ ปอด ฯลฯ คนที่ไม่ออกกำลังกายจะเป็นคนอ่อนแอ ขาดภูมิต้านทาน เจ็บป่วย เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย
ทีนี้มาพูดกันถึงเรื่องอาหารที่เรากินอยู่ทุกวัน อาหารอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะในโลกนี้มีอาหารมากมาย หลากหลายชนิด เรากินเข้าไปอาจมีประโยชน์ หรือไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายก็ได้ อาหารบางอย่างนอกจากไม่มีประโยชน์แล้ว ยังมีโทษต่อร่างกายด้วยซ้ำไป มีคำกล่าวไว้ว่า “การกินอาหารที่ดี ให้ประโยชน์ต่อร่างกายนั้น ต้องกินให้ครบ 5 หมู่”
อาหาร 5 หมู่ นั้นประกอบด้วย
1.โปรตีน เป็นอาหารประเภท เนื้อสัตว์ นม ไข่ ถั่วเมล็ดแห้ง อาหารประเภทนี้จะช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต ไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เพราะเมื่อคนเรากินอาหารเข้าไปแล้ว จะเกิดการเผาผลาญ หรือย่อยสลาย นำส่วนที่เป็นประโยชน์ไปใช้ ทำให้ร่างกายเจริญเติบโต
2.คาร์โบไฮเดรต ได้แก่ อาหารจำพวก ข้าว แป้ง เผือก มัน น้ำตาล อาหารประเภทนี้จะช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย
3.วิตามิน พืชผักต่างๆ ช่วยในการเสริมสร้างการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ เพราะอวัยวะในร่างกายมีการเคลื่อนไหว และทำงานตลอดเวลา จำเป็นต้องมีการเสริมสร้าง หรือทดแทนการสึกหรอ
4.แร่ธาตุ ผลไม้ต่างๆ ให้ประโยชน์เช่นเดียวกับอาหารประเภทวิตามิน
5.ไขมัน จะเป็นส่วนให้พลังงานและความอบอุ่นแก่ร่างกาย ซึ่งจะได้จากน้ำมัน หรือไขมันที่ได้จากพืชหรือสัตว์ การกินอาหาร ควรกินให้ครบทั้ง 5 หมู่ ในแต่ละวัน เพราะไม่มีอาหารชนิดใดที่มีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่อยู่ในตัวมันเอง
นอกจากอาหารที่เป็นประโยชน์ดังกล่าวแล้ว ยังมีอาหารบางประเภทบางอย่างที่มีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นพืชผัก หรือเนื้อสัตว์ เช่น
ผักขึ้นฉ่าย มีสรรพคุณในการลดความดันโลหิต
ขมิ้นชัน มีสรรพคุณในการช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ บรรเทาอาการปวดท้อง
ไก่ดำ หอยนางรม มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงกำลัง เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
พริกไทย มีสรรพคุณในการขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ บำรุงธาตุ
ผักตำลึง เป็นยาเย็น ช่วยในการถอนพิษไข้ แก้อาการแพ้
เมล็ดและใบแป๊ะก๊วย มีสรรพคุณช่วยลดอาการอัลไซเมอร์ หรือช่วยให้ความจำดีขึ้น
ปู่เชาว์วัยใกล้ 80 เป็นคนที่เคร่งครัด เอาใจใส่ในสุขภาพ และเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ แทบทุกสัปดาห์จะมีญาติสนิทมิตรสหายมาร่วมรับประทานอาหารและพบปะสังสรรค์กันตามประสาของคนสูงอายุ
ในวันนี้ก็เช่นเดียวกัน เพื่อนๆ ร่วมรุ่นเกือบ 10 คน มานั่งรับประทานอาหารเย็นที่บ้านคุณปู่ เรื่องที่สนทนาปราศรัยก็เป็นเรื่องสัพเพเหระทั่วๆ ไป ในที่สุดก็มาพูดคุยกันถึงเรื่องอาหารการกิน อะไรมีประโยชน์ อะไรมีโทษ อะไรควรกิน อะไรควรเว้น
หลังจากอาหารคาวหวานจบไปแล้ว ก็ดื่มน้ำชา–กาแฟ และนั่งสนทนากันต่อเป็นการย่อยอาหาร คุณปู่เชาว์แกบรรยายถึงสรรพคุณของอาหารหลายอย่าง และในที่สุดก็นึกถึง แป๊ะก๊วย ขึ้นมาได้
“เม็ดแป๊ะก๊วยนี่มีประโยชน์มาก กินแล้วช่วยให้ความจำดี ไม่เป็นโรคอัลไซเมอร์ ผมกินเป็นประจำทุกวัน เพราะเป็นของที่ชอบและมีประโยชน์ด้วย”





ภัยจากการหลงลืม

ภัยจากการหลงลืม


‘ลืม’ ดูเป็นคำแก้ตัวง่ายดายที่สุดที่สามารถทำให้เจ้านายเลือดขึ้นหน้าได้ง่ายๆ ใครๆ คงไม่อยากลืมในเรื่องที่ไม่ควรลืม แต่บางครั้งอาการลืม ป้ำๆ เป๋อๆ ของคนหนุ่ม สาว อย่างเราๆ อาจส่อถึงภัยบางอย่างที่เราอาจนึกไม่ถึง ข้อมูลจากนายแพทย์ปราโมทย์ ชูดำ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลระยอง บอกกับเราว่า
อาการขี้ลืม เป็นอาการปกติที่อาจเกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา หากเป็นในผู้สูงอายุ มักเกิดจากการเสื่อมถอยของสภาพสมองตามกาลเวลา แต่หากบางคนมีอาการหลงลืมมากๆ จนก่อให้เกิดปัญหาในการใช้ชีวิต อาจสันนิษฐานได้ว่า เกิดจากโรคสมองเสื่อมซึ่งเป็นการเสื่อมของสมองซึ่งไม่ได้เกิดจากความชราหรือการเสื่อมตามกาลเวลา สาเหตุที่ทำให้เกิดสมองเสื่อมก็มีได้หลายประการ เช่น ศีรษะถูกกระแทก โรคหลอดเลือดสมอง โรคติดเชื้อในสมอง การขาดสารอาหารบางชนิด เนื้องอกในสมอง หรือแม้กระทั่งการป่วยโรคทางอายุรกรรม เช่น โรคไต โรคตับ โรคไทรอยด์ ก็อาจส่งผลต่อการทำงานของสมองได้ด้วยครับ” แล้วขนาดไหนถึงเรียกว่าผิดปกติ
“ผู้ป่วยจะหลงลืมชนิดที่เรียกว่าที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน เช่น โดยมากคนปกติมักจะจำได้ทีหลังว่าลืมเรื่องอะไรหรือรู้ตัวว่าลืม แต่การหลงลืมเนื่องจากการเสื่อมของสมอง จะลืมโดยไม่ทราบว่าตัวเองลืม เช่น กินข้าวแล้วบอกว่ายังไม่ได้กิน วางของไว้บนโต๊ะแล้วบอกว่าไม่ได้วาง นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการตัดสินใจที่แย่ลง มีปัญหาในการคิดรวบรวม ขาดการคิดริเริ่ม มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด เช่น บางคนเคยร่าเริงก็กลับเศร้า เบื่อ กังวล บางคนมีอาการหงุดหงิด ระแวง หรือแยกตัว เมื่อเป็นนานเข้า ผู้ป่วยจะเสียการสำนึกระลึกรู้ตัว (Insight) และวิจารณ-ญาณตัดสินใจ (Judgment) จนในที่สุดจะดูแลตัวเองไม่ได้
“การรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การลดความระแวงและความทรมานของผู้ป่วย ลดภาระของญาติที่ต้องดูแล ซึ่งมีทั้งการให้ยาเพื่อเพิ่มความจำและการให้ยาจิตประสาทขนาดอ่อน เพื่อทำให้อาการทางจิตทุเลาลง โดยยาช่วยความจำก็มีผลช่วยลดอาการทางจิตได้ด้วย เนื่องจากการมีความจำดีขึ้นจะทำให้ผู้ป่วยทำความเข้าใจต่อสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้น”
ปัจจุบันเราอนุมานว่านักการเมืองไทยหลายท่านเป็นโรคนี้ ทั้งแบบรู้ตัวและแกล้งไม่รู้ตัว อย่างไรเสีย เพื่อความเจริญของประเทศ น่าจะปรึกษาแพทย์เป็นการดีครับ

ดูแลตัวเองตามกรุ๊ปเลือด

ดูแลตัวเองตามกรุ๊ปเลือด
http://women.sanook.com/health/tips/tips_52942.php


คนที่มีกรุ๊ปเลือด A

จะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียดเนื่องจากร่างกายจะผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือฮอร์โมนเครียดมาก ดังนั้นควรจะออกกำลังกายด้วยการจดจ่อต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อาทิ โยคะ ไทชิ หรือนั่งสมาธิ เพื่อลดความเครียด หากออกกำลังกายก็อย่าหักโหมจึงไม่ควรบริโภคเนื้อสัตว์มากเกินไป เพราะผู้ที่มีหมู่เลือดนี้จะไม่ค่อยมีเอนไซม์และกรดที่ย่อยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ควรงดการดื่มนมสดและผลิตภัณฑ์จากนม เพราะจะทำให้เกิดท้องอืด ท้องเฟ้อ ทางที่ดีควรรับประทานผัก อย่างฟักทอง แคร์รอต ผักโขม บร็อกโคลี่ และพืชตระกูลถั่ว โดยเฉพาะถั่วเหลือง ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่มีโปรตีนสูงและช่วยป้องกันโรคมะเร็ง และควรดื่มชาเขียวเป็นประจำเพื่อช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ควรจำกัดน้ำตาล กาเฟอีน และแอลกอฮอล์ เพราะสิ่งเหล่านี้จะไปเพิ่มความเครียด และทำให้กระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกายทำงานช้าลง

- คนที่มีกรุ๊ปเลือด B

เมื่อร่างกายไม่สมดุลระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลจะเพิ่มสูงขึ้นทำให้มีโอกาสที่จะติดเชื้อ เกิดอาการเหนื่อยล้า จิตใจมัวหมอง ควรสร้างความสมดุลด้วยการออกกำลังกายในรูปแบบที่ท้าทายแต่ต้องใช้สมาธิควบคู่ไปดวย อาทิ เทนนิส ศิลปะการต่อสู้ ปั่นจักรยาน เดินทางไกล กอล์ฟ หรือไทชิเป็นการลดความเครียด ลดความดัน ทำให้ผ่อนคลาย สร้างสมดุลให้กับร่างกายคนเลือดกรุ๊ปนี้เหมาะกับการดื่มนมหรือผลิตภัณฑ์จากนม และเนื้อสัตว แม้คนหมู่เลือดนี้จะสามารถเผาผลาญโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้ดีก็ตามแต่ก็ไม่ควรกินเนื้อสัตว์ที่ติดมัน ไม่ควรกินคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป และหลีกเลี่ยงเนื้อไก่

- คนที่มีกรุ๊ปเลือด AB

เป็นกลุ่มคนที่รักความเคลื่อนไหว ดังนั้นควรออกกำลังกายในรูปแบบที่ใช้แรงมากและต้องสร้างสมาธิได้ด้วย อย่างเช่นโยคะ หรือแอโรบิก คนเลือดกรุ๊ปนี้มีกรดไฮโดรคลอริกน้อยทำให้ย่อยอาหารได้ยาก จึงต้องจำกัดปริมาณเนื้อสัตว์ไม่ควรรับประทานเนื้อไก่ ควรหันมาบริโภคถั่วเหลือง ปลา ไข่ไก่ และผักแทนไม่ควรดื่มกาเฟอีนและแอลกอฮอล์มากเกินไปและไม่ควรอดอาหารเพราะจะทำให้เกิดความเครียด

- คนที่มีเลือดกรุ๊ป O

ควรจะออกกำลังกายโดยสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเต้นแอโรบิก วิ่ง หรือปั่นจักรยานจะช่วยปรับสภาวะสมดุลของอารมณ์ได้ คนเลือดกรุ๊ปนี้โปรตีนเป็นสิ่งสำคัญ แต่ควรจำกัดการบริโภคถั่วและหมู ส่วนนมและผลิตภัณฑ์จากนมให้บริโภคแต่น้อยเพราะร่างกายย่อยได้ยาก ควรจะหันมารับประทานผักผลไม้ให้มาก

ไม่ว่าจะกรุ๊ปเลือดไหนก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วย เพื่อสุขภาพที่ดี.